ตลาดระบบเศรษฐกิจ
พิพัฒน์ คุณวงค์
ตลาดโดยทั่วไป หมายถึง
สถานที่ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าและบริการ แต่ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง กิจกรรมการซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
โดยไม่คำนึงว่าจะต้องใช้สถานที่ใด ๆ อาจซื้อขายผ่านจดหมาย ระบบโทรคมนาคม
หรือผ่านทางออนไลน์ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพบปะกันโดยตรง
ตลาดสามารถจำแนกได้หลายลักษณะ เช่น ตามลักษณะการขายสินค้า (ตลาดขายส่ง, ตลาดขายปลีก) ตามลักษณะสินค้าที่ผลิต (สินค้าอุตสาหกรรม,
สินค้าเกษตร, ภาคการบริการ) ตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า
(ตลาดผู้บริโภค, ตลาดปัจจัยการผลิต, ตลาดการเงิน)
แต่ในทางเศรษฐศาสตร์สามารถจำแนกประเภทตลาดได้
2
ประเภทคือ
1) ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
(Perfect Competition)
2) ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect
Competition)
2.1)
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)
2.2)
ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
2.3) ตลาดผูกขาด (Monopoly)
4.1 ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
(Perfect Competition)
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
เป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างเต็มที่ในระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ซึ่งราคาสินค้าในตลาดจะไม่ขึ้นกับอิทธิพลของผู้ใด แต่จะขึ้นกับกลไกของตลาด โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
1)
มีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก
2) ราคาสินค้ามีราคาเดียว
3) สินค้าที่ซื้อขายมีลักษณะเหมือนกันทุกประการในสายตาผู้ซื้อ
4) ผู้ซื้อและผู้ขายมีความรอบรู้ในข้อมูลข่าวสารของตลาดเป็นอย่างดี
5) การเข้าหรือออกจากอุตสาหกรรม และการโยกย้ายปัจจัยการผลิตทำได้โดยเสรี
2) ราคาสินค้ามีราคาเดียว
3) สินค้าที่ซื้อขายมีลักษณะเหมือนกันทุกประการในสายตาผู้ซื้อ
4) ผู้ซื้อและผู้ขายมีความรอบรู้ในข้อมูลข่าวสารของตลาดเป็นอย่างดี
5) การเข้าหรือออกจากอุตสาหกรรม และการโยกย้ายปัจจัยการผลิตทำได้โดยเสรี
ตลาดประเภทนี้หาได้ยากในระบบเศรษฐกิจ
แต่ก็มีตลาดที่ใกล้เคียง เช่น ตลาดสินค้าเกษตร เป็นต้น
แต่ก็ยังไม่เป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์โดยแท้จริง
4.2
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect Competition)
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ มีลักษณะสำคัญ
ดังนี้
1)
จำนวนผู้ซื้อและผู้ขายมากพออันส่งผลให้มีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้า
2)
สินค้าที่ซื้อขายมีลักษณะไม่เหมือนกันในสายตาผู้ซื้อ
3)
ความรอบรู้ในข้อมูลข่าวสารของตลาดมีจำกัด
4) การเข้าหรือออกจากอุตสาหกรรมทำได้ยาก
อาจเกิดจากข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย การครอบครอบครองปัจจัยการผลิต เงินทุน
หรือเทคโนโลยี เป็นต้น
5)
การโยกย้ายปัจจัยการผลิตไม่ได้เป็นไปโดยเสรี
4.2.1) ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
(Monopolistic Competition)
ตลาดแบบนี้มีลักษณะคล้ายกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์
เป็นตลาดที่มีผู้ขายจำนวนหลายราย ทำการผลิตสินค้าที่ไม่เหมือนกันแต่สามารถใช้ทดแทนกันได้
ผู้ผลิตรายอื่นสามารถเข้ามาผลิตแข่งขันได้ ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ทราบข้อมูลข่าวสารของตลาดอย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด เช่น ตลาดผงซักฟอก ยาสีฟัน แป้ง เสื้อผ้า
4.2.2) ตลาดผู้ขายน้อยราย
(Oligopoly)
ตลาดผู้ขายน้อยราย
เป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงไม่กี่ราย ทำการผลิตสินค้าไม่เหมือนกันแต่สามารถใช้ทดแทนกันได้บ้าง
ผู้ขายจะไม่ใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการแข่งขัน เนื่องจากมีผู้ขายจำนวนน้อย หากฝ่ายหนึ่งลดราคา
อีกฝ่ายต้องลดราคาตาม และหากอีกฝ่ายขึ้นราคา อีกฝ่ายจะไม่ขึ้นราคาตาม ซึ่งการดำเนินการใด
ๆ ของผู้ผลิตรายหนึ่งย่อมกระทบกับผู้ผลิตรายอื่นเสมอ
จึงต้องใช้การแข่งขันในวิธีอื่น เช่น คุณภาพสินค้า การโฆษณา
ความแตกต่างในการบรรจุหีบห่อ ตัวอย่างตลาดผู้ขายน้อยราย เช่น ตลาดน้ำอัดลม รถยนต์
รถจักรยานยนต์ ปูนซีเมนต์ เครือข่ายโทรศัพท์
4.2.3) ตลาดผูกขาด (Monopoly)
ตลาดผูกขาด
เป็นตลาดที่มีหน่วยธุรกิจเพียงรายเดียวทำการผลิตสินค้า โดยไม่มีสินค้าอื่นใดทดแทนสินค้าชนิดนั้นได้
และผู้ผลิตรายอื่นไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้ การผูกขาดอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ
ดังนี้
1)
กฎหมายให้อำนาจรัฐวิสาหกิจดำเนินกิจการเพียงรายเดียว
2)
การได้สัมปทานจากรัฐบาล
3)
การเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตแต่เพียงผู้เดียว
4)
การลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอุปสรรคและเป็นการปิดกั้นคู่แข่ง
ตัวอย่างตลาดผูกขาด
เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา รถไฟ สินค้าที่ลงทุนมหาศาล
ตารางที่
1
เปรียบเทียบลักษณะตลาดประเภทต่าง ๆ
ลักษณะ
|
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
|
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
|
||
ตลาดกึ่งแข่งขันฯ
|
ตลาดผู้ขายน้อยราย
|
ตลาดผูกขาด
|
||
1. จำนวนผู้ขาย
|
จำนวนมากมาย
|
จำนวนมาก
|
จำนวนน้อย
|
รายเดียว
|
2. ลักษณะสินค้า
|
เหมือนกันทุกประการ
|
แตกต่างกันแต่ใช้แทนกันได้
|
แตกต่างกันบ้างแต่ใช้แทนกันได้
|
ใช้แทนกันไม่ได้หรือได้น้อย
|
3.
อำนาจในการกำหนดราคา
|
เป็นไปตามกลไกตลาด
|
มีพอสมควร
แต่ต้องดูคู่แข่งด้วย
|
มีมาก
แต่ต้องคาดการณ์การตอบโต้ของคู่แข่ง
|
มีอำนาจในการกำหนดราคาเต็มที่
|
4.
การเข้าสู่ตลาดของผู้ขายรายใหม่
|
ง่ายมาก
|
ง่าย
|
ค่อนข้างยาก
|
ยากมาก
|